เสียงเบสอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้มีต้นกำเนิดมาจากตู้วูฟเฟอร์หน้าตาแสนธรรมดาวางเรียงซ้อนกันสองคอลัมน์ ซึ่งดูคล้ายกับตู้ชั้นวางหนังสือ AR ยุค 60 ที่วางตะแคงข้าง บรรจุไดรเวอร์ขนาด 2 x 8นิ้ว ประมาณ 6-8 ดอกต่อด้าน วางซ้อนกันตั้งแต่พื้นจนถึงเพดาน พร้อมกับเสริมด้วยเสียงจากลำโพงไฟฟ้าสถิต Acoustat Model 4 - 4 แผงจำนวน 1 คู่ ที่วางอยู่บนขาตั้งแบบสร้างเองที่ยกระดับลำโพงให้สูงขึ้นประมาณ 18-24นิ้ว ซึ่งสามารถสร้างเสียงดนตรีที่มีความสมดุลมาก การจัดเวทีเสียงนั้นมีความสมบูรณ์แบบและความสมดุลจากบนลงล่างนั้นสุดยอดมาก ซึ่งเป็นความยอดเยี่ยมในระดับที่ผมเริ่มจะรู้แล้วว่ามันจะเป็นเช่นนี้อยู่เสมอหาก ดร. คีธ จอห์นสัน (หัวหน้าทีมออกแบบของ Entec) มีส่วนในการเซ็ตระบบและปรับแต่ง สิ่งที่ผมได้ยินในตอนนั้นคือต้นแบบแรกของสิ่งที่ในที่สุดก็ได้กลายเป็นซับวูฟเฟอร์ในแบรนด์ของ Entec ซึ่งได้รับการเปิดตัวในอีก 3 ปีต่อมา อย่างไรก็ดีสายการผลิตซับวูฟเฟอร์ดังกล่าวนี้ไม่อาจทัดเทียมได้กับความรู้สึกความอบอุ่นของดนตรีในซับวูฟเฟอร์ต้นแบบแรกๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตามประสบการณ์ในวันแรกที่ผมได้สัมผัสนั้นยังคงฝังอยู่ข้างในความทรงจำอย่างเต็มเปี่ยมเสมอมา - ปี 2010 ณ เมืองเบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย แผงแบบ Reference Line Array (RLA) ก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการ; ประการแรก ลำโพงที่อยู่ล่างสุดจะถูกยึดติดกับพื้นอย่างแน่นหนาทำให้สามารถสร้างเสียงเบสความถี่ต่ำมากๆ ที่ลุ่มลึกที่สุดโดยใช้ประโยชน์จากแผ่นระนาบที่ใหญ่ที่สุดในห้อง ซึ่งก็คือพื้นห้องนั่นเอง ลำดับต่อมาของชั้นสแต็กคือลำโพงตัวกลางที่มีหน้าที่ในการสร้างมวลเบสแบบกระแทก นั้นคือเสียงเบสความถี่ต่ำถึงระดับกลาง เช่น กลอง pistonic kick drums หรือ เอฟเฟกต์ที่มีความรุนแรงในแทร็กเสียงภาพยนตร์เช่นเสียงระเบิด และลำโพงตัวสุดท้ายด้านบนสุด ถูกวางอย่างเป็นอิสระจากพื้นและเพดานของห้อง - ให้เสียงเบสที่แผ่วเบาดุจขนนก ซึ่งเสียงเบสในระดับนี้จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้น โดยที่เราจะสามารถรับรู้ความถี่นี้ได้เมื่อเข้าไปในถ้ำหรือโถงขนาดใหญ่ โดยลำโพงตัวบนสุดนี้เองจะสื่อสารให้เรารับรู้ได้ถึงขนาด รายละเอียดพื้นที่ และความยิ่งใหญ่ในแบบที่ไม่ค่อยพบในชุดเครื่องเสียงทุกๆขนาดหรือทุกระดับราคา ในขณะที่เราทดลองกับต้นแบบสแต็กแรกของเรา เราเรียนรู้จากการทดลองได้อย่างรวดเร็วว่า การใช้ขาสำหรับลำโพงที่วางซ้อนอยู่ ซึ่งไม่ใช่ลำโพงตัวล่างได้สร้างปัญหาหลายประการ รวมไปถึงสร้างความเสียหายของเคลือบผิวลำโพงตัวล่าง และที่สำคัญกว่านั้น ในขณะที่ขามีประโยชน์อย่างมากในการให้ความมั่นคงต่อลำโพงตัวล่างเพียงตัวเดียวบนพื้น แต่ทว่ามันกลับสร้างความไม่มั่นคงเมื่อใช้กับลำโพงตัวบน ผมได้ทำการทดลองด้วยระดับความสูงที่แตกต่างกันไป – ปรากฏว่าความสูงของขานั้นไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์กับแนวคิดของ RLA เลย – และหลังจากผ่านการสร้างต้นแบบราวสองถึงสามรอบ ในที่สุดเราก็พบกับทางออก นั้นคือ การใช้ลำโพง 3 ตัววางซ้อนกันในแนวนอนจะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อใช้ร่วมกับลำโพงรุ่นเดียวกันอันทันสมัยของเรา นอกจากนี้ เราค้นพบกว่าลำโพงคุณภาพยอดเยี่ยมในช่วงราคา $25,000-40,000 สามารถทำงานได้ดีโดยการใช้ซับวูฟเฟอร์เพียง 4 ตัว (วางซ้อนกันข้างละ 2 ตัว)
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญอย่างยวดยิ่งที่มีผลต่อประสิทธิภาพของ RLA คือ การแยกการตั้งค่า gain และ crossover สำหรับซับวูฟเฟอร์ในแต่ละตัว การปรับและเพิ่มประสิทธิภาพของแต่ละสแต็กนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการเพิ่มบทบาทของซับวูฟเฟอร์ในแต่ละตำแหน่งภายในสแต็ก การออกแบบที่เลียนแบบแนวคิดนี้เริ่มมีออกมาและมีแนวโน้มที่จะใช้แอมป์เดี่ยวสำหรับซับวูฟเฟอร์ในแต่ละตัว ซึ่งจะทำให้ข้อดีส่วนใหญ่ของ RLA ที่แท้จริงหายไป เป็นผลทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นเสียงเบสที่ทรงพลัง แต่เต็มไปด้วยความขุ่นมัว การใช้การเชื่อมต่อระดับสูงของเราที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นหัวใจหลักของซับวูฟเฟอร์ REL ทุกตัวที่เราทำออกมา พร้อมกับการควบคุม gain และ crossover อันแม่นยำ ทำให้ RLA มีความได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร มันจะช่วยให้ลำโพงแต่ละตัวในสแต็กได้รับการปรับให้ทำงานเป็นรายตัวอย่างกลมกลืนด้วยกันเองและกับลำโพงคู่หน้า นี้จึงเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เราสามารถสร้างเสียงเบสที่เป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบที่สุดซึ่งสามารถทำให้ผมรู้สึกทึ่งและสร้างความประทับใจได้เหมือนกับครั้งหนึ่งในงาน CES ที่ชิคาโกเมื่อสามทศวรรษก่อน ขอให้สนุกกับการฟังเพลงนะครับ! |