REL Acoustics : S-510 (Black)
S/510 takes REL’s compact-medium chassis concept to reference-like levels of performance and does so with style, power and incredible speed. It delivers incredible levels of all ‘round performance. S/510 allows those with less space, or when pairing with high end speakers that are slightly less robust to have a perfect dance partner when the S/812 is simply too much of a great thing.
Extreme Performance
Compact Package
For S/510, every aspect of the previous generation’s inner workings were examined without regard to its critical and customer-driven success. We turned a fresh eye to power requirements, driver improvements, and specialty filters, upgrading each-to extract all the extra performance possible. All this alongside the cabinet refinements necessary for those upgrades to emerge cleanly. This latest S range is a triumphant development that has exceeded every expectation of our design team.
Our requirements were for far stronger deep bass output between 20-35 Hz, vastly improved theatre dynamics, and an even more open and spacious soundfield which benefits both music and film. We turned to our NextGen3 amplifier, tuned to 500 watts with substantial reserves of power, added a light film of carbon fibre to the rear of the driver to handle the extra power, and developed two new sets of custom filters to extract the utmost in brute force and spaciousness. Finally, we imbued S/510 with the ability to be stacked in 4- or 6-unit line arrays, just like our reference models.
Invisibly Upgraded
S/510’s Bass Engine
S/510 required upgrades to its ContinuousCast™ Alloy Cone to allow it to survive its massive power upgrades. To permit its thin, aluminum cone to survive 500 watts and incredibly long stroke, we added an ultra-lightweight backing of pure carbon fibre strategically placed over portions of the rear surface of the cone. This produces two benefits; it strengthens and stiffens the cone and also eliminates reversion, wherein the backwave inside the cabinet is now prevented from interfering with the main launch of bass into the room. The result is more accurate and far louder deep bass.
Nothing Passive About This
SuperProgressive™ passive radiator
Our uniquely tuned passive radiators use special suspensions, now with an additional 8mm of linear travel, to produce performance unlike conventional subwoofers. Our new SuperProgressive™ passive radiator produces extremely long travel allowing for very loud output while retaining the variable stiffness of its suspension. This allows it to act like a sealed box compact 12” design at low volumes and a high output 14” design at its limit.
500 Watt Monoblock Within
NextGen3 Amplifier
At 500 watts the NextGen3 amplifier is borrowed from our former flagship model and produces huge reservoirs of power and current. The 20%+ increase in power (previous version was 400 watts) is needed to deliver the high output levels needed for modern theatre, as well as to produce the extremely deep bass in a high end 2-channel system. This increase in power is necessitated by our development on the musical front of an all-new circuit termed PerfectFilter™ that balance both frequency extremes.
PerfectFilter performs two seemingly disparate qualities; extending the strong, even response of the extreme low end of bass frequencies while simultaneously opening up air and delicacy in the middle and high frequencies of one’s system. Additionally, we applied customized PureTheatre™ filters to allow S/510 to keep up with modern theatre effects without breaking a sweat.
Stacked for Ultimate Performance
Serie S Line Arrays
In the real world, bass occurs with width, depth and height. By stacking up to three units per side (stereo or theatre main L-R speakers) the proper perspective and height of sonic events are illuminated. This elevates reproduction from conventional stereo or theatre to a floor to ceiling panoramic, full scale perspective of each sonic event. Reviewers are lining up to marvel at the transformation of music and film into the full-scale representation that REL Line Arrays uniquely deliver.
เบื้องหลังความเป็นมาของ REL Stacks หรือ REL Line Array
ผมจำได้ดีเมื่อครั้งที่มีโอกาสในการเข้าร่วมงาน CES ครั้งแรกของผมในปี 1981 ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สถานที่ซึ่งให้ความรู้สึกว่าเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กที่อยู่ในร้านขายขนมอีกครั้ง – จากห้องจัดแสดงหลักในศูนย์ McCormick Centre ซึ่งเต็มไปด้วยแบรนด์ญี่ปุ่นยี่ห้อดัง ไปจนถึงโรงแรม Pick Congress Hotel ซึ่งจัดแสดงแบรนด์เครื่องเสียงไฮเอ็นด์คุณภาพสูงที่ดีที่สุดในห้องที่ถูกจัดไว้เฉพาะ - มันเป็นสิ่งที่ให้ความตื่นเต้นเป็นอย่างมากสำหรับเด็กอายุ 22 ปี การสำรวจงานที่ด้านล่างของโรงแรมทำให้ผมค้นพบความประหลาดใจหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงห้องหนึ่งที่เป็นห้องจัดแสดงเครื่องเสียงขนาดใหญ่ ประเภทที่ใช้สำหรับการประชุม ขนาด 20 x 32ฟุต โดยที่หน้าห้องไม่มีป้ายข้อมูลใด ๆ แต่กลับมีเสียงดนตรีคลาสสิกนุ่ม ๆ เล็ดลอดออกมาจากประตูคู่ที่เปิดอยู่ ขณะที่ผมเดินเข้าไป ผมจำได้ว่าเป็นเพลง Shostakovich Symphony และราวกับการแสดงมีคิวที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า ทันทีที่ผมยื่นหัวเข้าไป เสียงกระหึ่มของเบส Herculean ได้พุ่งออกมาทางประตู ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับเสียงเบสที่เต็มไปด้วยพลัง มีความลื่นไหล และเหมือนมีชีวิตจริง
เสียงเบสอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้มีต้นกำเนิดมาจากตู้วูฟเฟอร์หน้าตาแสนธรรมดาวางเรียงซ้อนกันสองคอลัมน์ ซึ่งดูคล้ายกับตู้ชั้นวางหนังสือ AR ยุค 60 ที่วางตะแคงข้าง บรรจุไดรเวอร์ขนาด 2 x 8นิ้ว ประมาณ 6-8 ดอกต่อด้าน วางซ้อนกันตั้งแต่พื้นจนถึงเพดาน พร้อมกับเสริมด้วยเสียงจากลำโพงไฟฟ้าสถิต Acoustat Model 4 - 4 แผงจำนวน 1 คู่ ที่วางอยู่บนขาตั้งแบบสร้างเองที่ยกระดับลำโพงให้สูงขึ้นประมาณ 18-24นิ้ว ซึ่งสามารถสร้างเสียงดนตรีที่มีความสมดุลมาก การจัดเวทีเสียงนั้นมีความสมบูรณ์แบบและความสมดุลจากบนลงล่างนั้นสุดยอดมาก ซึ่งเป็นความยอดเยี่ยมในระดับที่ผมเริ่มจะรู้แล้วว่ามันจะเป็นเช่นนี้อยู่เสมอหาก ดร. คีธ จอห์นสัน (หัวหน้าทีมออกแบบของ Entec) มีส่วนในการเซ็ตระบบและปรับแต่ง สิ่งที่ผมได้ยินในตอนนั้นคือต้นแบบแรกของสิ่งที่ในที่สุดก็ได้กลายเป็นซับวูฟเฟอร์ในแบรนด์ของ Entec ซึ่งได้รับการเปิดตัวในอีก 3 ปีต่อมา อย่างไรก็ดีสายการผลิตซับวูฟเฟอร์ดังกล่าวนี้ไม่อาจทัดเทียมได้กับความรู้สึกความอบอุ่นของดนตรีในซับวูฟเฟอร์ต้นแบบแรกๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตามประสบการณ์ในวันแรกที่ผมได้สัมผัสนั้นยังคงฝังอยู่ข้างในความทรงจำอย่างเต็มเปี่ยมเสมอมา
- ปี 2010 ณ เมืองเบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
หลายปีต่อมา ในขณะที่ทีมออกแบบ REL ของผม และตัวผมเองใกล้ประสบความสำเร็จในการผลิตต้นแบบรุ่น Gibraltar G-1 ผมได้นึกย้อนกลับไปยังประสบการณ์ช่วงแรก ๆ และสงสัยว่า สิ่งที่ล้ำสมัยของศิลปะสมัยใหม่เช่นซับวูฟเฟอร์ G-1 จะให้เสียงอย่างไรถ้านำไปวางเป็นแนวเรียงซ้อนกันในแบบ Reference Line Array (RLA)? มันจะสามารถให้เสียงเบสที่ลุ่มลึกและจะมีประสิทธิภาพแค่ไหนถ้านำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้? มันจะทำให้เกิด cross-coupling มากเกินไประหว่างไดรเวอร์จนทำให้น้ำเสียงเบสขาดความอ่อนโยนและความละมุนละไมหรือไม่? แต่ปรากฏว่า นี่เป็นหนึ่งในโครงการที่ง่ายที่สุดที่เคยทำมา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ในการพิสูจน์ถึงคุณภาพที่ดีของ G-1 มากไปกว่านั้นในปัจจุบันยังสามารถนำไอเดียนี้มาใช้กับรุ่น No. 25 และ G-1 MKII รุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย
แผงแบบ Reference Line Array (RLA) ก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการ; ประการแรก ลำโพงที่อยู่ล่างสุดจะถูกยึดติดกับพื้นอย่างแน่นหนาทำให้สามารถสร้างเสียงเบสความถี่ต่ำมากๆ ที่ลุ่มลึกที่สุดโดยใช้ประโยชน์จากแผ่นระนาบที่ใหญ่ที่สุดในห้อง ซึ่งก็คือพื้นห้องนั่นเอง ลำดับต่อมาของชั้นสแต็กคือลำโพงตัวกลางที่มีหน้าที่ในการสร้างมวลเบสแบบกระแทก นั้นคือเสียงเบสความถี่ต่ำถึงระดับกลาง เช่น กลอง pistonic kick drums หรือ เอฟเฟกต์ที่มีความรุนแรงในแทร็กเสียงภาพยนตร์เช่นเสียงระเบิด และลำโพงตัวสุดท้ายด้านบนสุด ถูกวางอย่างเป็นอิสระจากพื้นและเพดานของห้อง - ให้เสียงเบสที่แผ่วเบาดุจขนนก ซึ่งเสียงเบสในระดับนี้จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้น โดยที่เราจะสามารถรับรู้ความถี่นี้ได้เมื่อเข้าไปในถ้ำหรือโถงขนาดใหญ่ โดยลำโพงตัวบนสุดนี้เองจะสื่อสารให้เรารับรู้ได้ถึงขนาด รายละเอียดพื้นที่ และความยิ่งใหญ่ในแบบที่ไม่ค่อยพบในชุดเครื่องเสียงทุกๆขนาดหรือทุกระดับราคา
ในขณะที่เราทดลองกับต้นแบบสแต็กแรกของเรา เราเรียนรู้จากการทดลองได้อย่างรวดเร็วว่า การใช้ขาสำหรับลำโพงที่วางซ้อนอยู่ ซึ่งไม่ใช่ลำโพงตัวล่างได้สร้างปัญหาหลายประการ รวมไปถึงสร้างความเสียหายของเคลือบผิวลำโพงตัวล่าง และที่สำคัญกว่านั้น ในขณะที่ขามีประโยชน์อย่างมากในการให้ความมั่นคงต่อลำโพงตัวล่างเพียงตัวเดียวบนพื้น แต่ทว่ามันกลับสร้างความไม่มั่นคงเมื่อใช้กับลำโพงตัวบน ผมได้ทำการทดลองด้วยระดับความสูงที่แตกต่างกันไป – ปรากฏว่าความสูงของขานั้นไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์กับแนวคิดของ RLA เลย – และหลังจากผ่านการสร้างต้นแบบราวสองถึงสามรอบ ในที่สุดเราก็พบกับทางออก นั้นคือ การใช้ลำโพง 3 ตัววางซ้อนกันในแนวนอนจะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อใช้ร่วมกับลำโพงรุ่นเดียวกันอันทันสมัยของเรา นอกจากนี้ เราค้นพบกว่าลำโพงคุณภาพยอดเยี่ยมในช่วงราคา $25,000-40,000 สามารถทำงานได้ดีโดยการใช้ซับวูฟเฟอร์เพียง 4 ตัว (วางซ้อนกันข้างละ 2 ตัว)
การออกแบบขั้นสุดท้าย คือการขจัดความยุ่งเหยิงทางสายตาออกไป โดยการทำการเชื่อมต่อเอาท์พุทเพื่อให้สามารถใช้สายเคเบิลเดียวต่อสแต็กแล้วกระจายไปยังซับวูฟเฟอร์ส่วนบนเพิ่มเติมจากตัวล่างขึ้นมา ซึ่งได้นำไปสู่การกำเนิดแนวคิด RLA หรือแนวคิดการตั้งซ้อนกันของซับ REL Reference subs มันเป็นสิ่งที่น่ายินดีหากแนวคิดอันยอดเยี่ยมนี้สามารถก่อให้เกิดการเลียนแบบขึ้น ซึ่งก็จะเห็นการนำแบบไอเดียของเรานี้ไปใช้ได้จากงาน Munich High End Show ที่เยอรมนีเมื่อปีที่แล้วนี่เอง เราสามารถสังเกตเห็นว่ามีไม่น้อยกว่า 15 บริษัทที่แสดงลำโพงหรือกำลังจะเปิดตัวลำโพงโดยใช้แนวคิดแบบ RLA
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญอย่างยวดยิ่งที่มีผลต่อประสิทธิภาพของ RLA คือ การแยกการตั้งค่า gain และ crossover สำหรับซับวูฟเฟอร์ในแต่ละตัว การปรับและเพิ่มประสิทธิภาพของแต่ละสแต็กนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการเพิ่มบทบาทของซับวูฟเฟอร์ในแต่ละตำแหน่งภายในสแต็ก การออกแบบที่เลียนแบบแนวคิดนี้เริ่มมีออกมาและมีแนวโน้มที่จะใช้แอมป์เดี่ยวสำหรับซับวูฟเฟอร์ในแต่ละตัว ซึ่งจะทำให้ข้อดีส่วนใหญ่ของ RLA ที่แท้จริงหายไป เป็นผลทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นเสียงเบสที่ทรงพลัง แต่เต็มไปด้วยความขุ่นมัว
การใช้การเชื่อมต่อระดับสูงของเราที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นหัวใจหลักของซับวูฟเฟอร์ REL ทุกตัวที่เราทำออกมา พร้อมกับการควบคุม gain และ crossover อันแม่นยำ ทำให้ RLA มีความได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร มันจะช่วยให้ลำโพงแต่ละตัวในสแต็กได้รับการปรับให้ทำงานเป็นรายตัวอย่างกลมกลืนด้วยกันเองและกับลำโพงคู่หน้า นี้จึงเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เราสามารถสร้างเสียงเบสที่เป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบที่สุดซึ่งสามารถทำให้ผมรู้สึกทึ่งและสร้างความประทับใจได้เหมือนกับครั้งหนึ่งในงาน CES ที่ชิคาโกเมื่อสามทศวรรษก่อน
ขอให้สนุกกับการฟังเพลงนะครับ!
จอห์น ฮันเตอร์
Owner & Sales/Design Director
สัมภาษณ์ John Hunter
เจ้าของและผู้ออกแบบ REL Acoustics
Type: | Front-firing active woofer, down-firing passive radiator |
Active Driver Size & Material | 10 in., 250mm long-throw, die cast aluminium chassis |
Passive Radiator Size & Material | 12 in., 300mm |
Low Frequency Extention | 20Hz at -6 dB |
Input Connectors | Hi Level Neutrik Speakon, Left and Right Lo Level phono, LFE phono, LFE XLR |
Output Connectors | Hi Level Neutrik Speakon, LFE XLR |
Power Output | 500 watts (RMS) |
Amplifier Type | NextGen3 Class D |
Wireless Capability | Yes- REL Airship system [required]. Sold separately. |
Protection System | |
Fully Electronic Set Safe | Yes |
D.C. Fault | Yes |
Output Short | Yes |
Mains Input Voltage | 220-240 volts, 110-120 volts for certain markets |
Fuses | 5 Amp semi delay 220 volts operation 9 Amp semi delay 120 volts operation |
Dimensions | |
W x H x D | 15.7 x 16 x 18.25 in., (400 x 410 x 464 mm) Add 1.75in (44.5mm)in depth when using Hi Level connector |
Net Weight | 70 lbs. (31.7 kg) |
Finish | Piano Black Lacquer, White Lacquer, 10 coats |
Supplied Accessories | |
Mains Lead | Yes |
Interconnect | - |
Neutrik Speakon | Yes |
Users Manual | Yes |